ธุรกิจครอบครัว: รูปแบบความเป็นผู้นำและผลกระทบต่อประสิทธิภาพ

ธุรกิจครอบครัว: รูปแบบความเป็นผู้นำและผลกระทบต่อประสิทธิภาพ

โดย ศศิธร พงศ์อดิศักดิ์

9 มกราคม 2566
350 Views

Highlight


  • รูปแบบความเป็นผู้นำของธุรกิจครอบครัวอาจเป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่ส่งผลต่อการปฏิบัติงานและผลการบริหารธุรกิจครอบครัว แต่การเป็นผู้นำธุรกิจครอบครัวไม่ได้มีเพียงรูปแบบเดียว รูปแบบความเป็นผู้นำจะเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ อายุ และระยะของธุรกิจหรือ stage ของธุรกิจ ตลอดจนสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจ สังคมและลักษณะธุรกิจที่ดำเนินการอยู่

การทำความเข้าใจผลกระทบของรูปแบบความเป็นผู้นำต่อความสามารถในการบริหารและฟื้นฟูของธุรกิจครอบครัวจากรายงาน The regenerative power of family business ของเคพีเอ็มจี  พบว่ารูปแบบความเป็นผู้นำที่พบมากที่สุด ได้แก่ ผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Transformational leader) ผู้นำที่มีเสน่ห์ (Charismatic leader) และผู้นำแบบรวบอำนาจ (Authoritarian leader)


ผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Transformational leader)


รูปแบบของผู้นำการเปลี่ยนแปลง เป็นรูปแบบความเป็นผู้นำของ CEO ที่พบมากที่สุดในทุกภูมิภาคของโลก ผู้นำการเปลี่ยนแปลงจะเป็นผู้นำที่มักจะเปลี่ยนค่านิยมพื้นฐาน ความเชื่อและทัศนคติของ “ผู้ตาม” ผู้นำการเปลี่ยนแปลงจะทำให้ผู้ตามเต็มใจที่จะออกแรงและใส่ใจในการทำงานเกินกว่าที่องค์กรต้องการ จะเห็นได้ว่า CEO แห่งการเปลี่ยนแปลงสามารถยกระดับคนธรรมดาให้สูงขึ้นได้อย่างไม่ธรรมดา และสามารถกระตุ้นให้ผู้ตามทำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น และมีผลงานได้อย่างเหนือความคาดหมาย


องค์กรที่นำโดยผู้นำการเปลี่ยนแปลงมักจะมีผลลัพธ์ทางการเงินที่ดี เช่นเดียวกับความก้าวหน้าทางสังคมและสิ่งแวดล้อม ในขณะเดียวกันก็สามารถสร้างความภักดีของครอบครัว และการระบุตัวตนของธุรกิจ กล่าวคือ ทำให้ภาพลักษณ์ของธุรกิจครอบครัวชัดเจนมากขึ้น


ผู้นำที่มีเสน่ห์ (Charismatic leader)


ผู้นำที่มีเสน่ห์เป็นรูปแบบของผู้นำธุรกิจครอบครัวที่พบเป็นอันดับสอง ผู้นำที่มีเสน่ห์จะมีพลังในการโน้มน้าวใจและมีความสามารถในการจูงใจผู้ตาม ซึ่งโดยทั่วไป ผู้ตามจะแสดงความเคารพและความไว้วางใจในผู้นำอย่างมาก ผู้นำที่มีเสน่ห์มีลักษณะพิเศษที่ทำให้ผู้ตามมีความรู้สึกเข้าถึงความเป็นตัวตนของธุรกิจครอบครัวของตนเองได้  ตลอดจนความรู้สึกของการได้รับอำนาจในการดำเนินงานหรือการตัดสินใจในธุรกิจ และมีความเชื่อในความสำคัญของการทำงานร่วมกัน


ธุรกิจครอบครัวที่มีผู้นำที่มีเสน่ห์มักจะมีผลลัพธ์ทางการเงิน ตลอดจนภาพลักษณ์ทางสังคมทั้งภายในและภายนอกที่ดี และผู้นำในรูปแบบนี้ยังสามารถสร้างสายสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นระหว่างครอบครัวกับธุรกิจได้เป็นอย่างดี


เมื่อพิจารณารูปแบบความเป็นผู้นำในภูมิภาคละตินอเมริกา จะพบลักษณะของผู้นำที่มีเสน่ห์มากกว่ารูปแบบความเป็นผู้นำลักษณะอื่น อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้ว CEO ที่ไม่ใช่ CEO ของธุรกิจครอบครัวมักไม่ชอบรูปแบบความเป็นผู้นำที่มีเสน่ห์ ซึ่งอาจเป็นเพราะธุรกิจที่มีรูปแบบความเป็นผู้นำที่มีเสน่ห์ มักต้องอาศัยความเคารพและความไว้วางใจอย่างสูงต่อผู้นำของธุรกิจ ไม่ว่าผู้นำนั้นจะเป็นผู้ก่อตั้ง เป็น CEO เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่หรือดำรงตำแหน่งใดในคณะกรรมการ


CEO ที่ไม่ใช่สมาชิกในครอบครัว ซึ่งอยู่ในธุรกิจครอบครัวที่มีรูปแบบการเป็นผู้นำที่มีเสน่ห์ มักพบว่าการยืนหยัดในจุดยืนของตนเองไม่ใช่เรื่องง่าย และอาจต้องแข่งขันกับผู้นำครอบครัวคนใดคนหนึ่งในธุรกิจครอบครัวนั้น


ผู้นำแบบรวบอำนาจ (Authoritarian leader)


รูปแบบความเป็นผู้นำแบบรวบอำนาจ (หรือบางครั้งเรียกว่าผู้นำแบบปิตาธิปไตย หรือผู้นำแบบพ่อ) เป็นรูปแบบความเป็นผู้นำที่พบน้อยที่สุด ผู้นำแบบนี้มักใช้อำนาจเหนือผู้ใต้บังคับบัญชา แม้ว่าเป็นรูปแบบความเป็นผู้นำที่พบน้อยที่สุดโดยรวม แต่พบมากใน CEO จากภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาและบางส่วนของภูมิภาคเอเชีย


ผลลัพธ์หลักของรูปแบบการเป็นผู้นำแบบรวบอำนาจหรือปิตาธิปไตยนั้น เห็นได้จากความแข็งแกร่งของสายสัมพันธ์ในครอบครัวและความผูกพันทางอารมณ์กับธุรกิจ


ที่กล่าวไปข้างต้นนั้นเป็น 3 รูปแบบของความเป็นผู้นำที่พบมากที่สุด อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงแล้วรูปแบบความเป็นผู้นำธุรกิจครอบครัวไม่มีลักษณะตายตัวหรือเปลี่ยนแปลงไม่ได้


ตัวอย่างบทสัมภาษณ์จาก CEO ที่กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงของประเภทผู้นำในองค์กรของตนในแต่ละยุค จากรายงาน The regenerative power of family business ของเคพีเอ็มจี แสดงให้เห็นถึงลักษณะเฉพาะของผู้นำและความท้าทายในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ดังนี้


“ผมคิดว่าเมื่อธุรกิจครอบครัวมีการเปลี่ยนผ่านไปยังรุ่นถัดๆ ไป รูปแบบความเป็นผู้นำธุรกิจครอบครัวก็เปลี่ยนไปตามระยะเวลา จะเห็นได้จากตัวอย่างธุรกิจครอบครัวของผม โดยผมได้เห็นรูปแบบความเป็นผู้นำทั้งสามแบบในธุรกิจของเรา เมื่อคุณปู่ของผมเริ่มต้นธุรกิจโดยมีพนักงาน 4 หรือ 5 คนทำงานให้คุณปู่ รูปแบบความเป็นผู้นำของรุ่นดังกล่าวเป็นแบบพ่อและมีความเผด็จการมาก พนักงานทำงานให้คุณปู่ ไม่ใช่ทำงานให้บริษัท และพนักงานทุกคนมักจะทำตามที่คุณปู่ร้องขอ คุณปู่ดูแลพนักงานเสมือนเป็นครอบครัวเดียวกันจนคุณปู่เกษียณ และแม้กระทั่งปัจจุบัน ธุรกิจครอบครัวของเรามีนโยบายให้พนักงานเกษียณอายุสามารถนำสมาชิกในครอบครัวของพนักงานท่านนั้นมาแทนที่ตนเองได้


ถัดจากรุ่นของคุณปู่ เป็นรุ่นของคุณพ่อซึ่งเป็นพี่คนโตในรุ่นที่สอง และแน่นอนว่าคุณพ่อเป็นผู้นำที่มีเสน่ห์ ในฐานะ CEO รุ่นที่สอง กระบวนการคิดของคุณพ่อและวิธีการดำเนินธุรกิจของคุณพ่อในช่วงเวลานั้นถือเป็นการบริหารงานที่ดีมาก พนักงานมีความไว้วางใจคุณพ่อ แต่คำถามของผมในตอนนี้คือ การบริหารงานในรูปแบบผู้นำที่กล่าวไปนั้นจะเหมาะสมกับยุคปัจจุบันหรือไม่?


เมื่อเจ้าของธุรกิจครอบครัวรุ่นที่สามเริ่มเข้าสู่ธุรกิจ ผมและผู้นำธุรกิจครอบครัวของผมคนอื่นๆ กำลังพิจารณาธุรกิจดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบันและสิ่งที่เราเห็นในอีก 10 ปี ข้างหน้า พวกเรากำลังเล่นบทบาทผู้นำการเปลี่ยนแปลงกับคณะกรรมการรุ่นที่สามของพี่น้องและลูกพี่ลูกน้อง”


จะเห็นได้ว่า การบริหารธุรกิจครอบครัวในแต่ละรุ่นอาจมีความแตกต่างกันและมีรูปแบบความเป็นผู้นำที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความต้องการของธุรกิจและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ณ จุดต่างๆ ของเวลา ซึ่งมีความแตกต่างกัน คงไม่มีรูปแบบความเป็นผู้นำแบบใดที่เรียกว่าเป็นรูปแบบที่ดีที่สุด และปัจจุบันธุรกิจครอบครัวในแต่ละภูมิภาคก็มีการเปลี่ยนผ่านไปยังทายาทรุ่นถัดไป จะมากหรือน้อยรุ่นขึ้นอยู่กับความยาวนานของธุรกิจครอบครัว


สิ่งสำคัญคือทายาทที่กำลังรับช่วงต่อธุรกิจจากเจ้าของธุรกิจรุ่นก่อนหน้า ต้องทำความเข้าใจลักษณะธุรกิจและลักษณะของครอบครัวตนเอง ซึ่งในแต่ละครอบครัวมีความแตกต่างกันกัน เพื่อเลือกรูปแบบความเป็นผู้นำที่เหมาะสมกับรุ่นของตนเอง ให้สามารถดำเนินธุรกิจครอบครัวต่อไปท่ามกลางสมาชิกครอบครัวที่มีจำนวนที่เพิ่มขึ้นและมีความหลากหลายของความคิดและความต้องการ ตลอดจนสามารถปรับธุรกิจครอบครัวให้มีความสามารถทางการแข่งขันในรูปแบบการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงทุกวัน ตลอดจนต้องมีการพิจารณาถึงการส่งผ่านธุรกิจไปยังรุ่นถัดไปได้อย่างราบรื่นที่สุด

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง