HIGHLIGHTS :
เวลาในการอ่าน 4 นาที
จากสถานการณ์ COVID-19 ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบทางลบ ต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรง “นวัตกรรม” จึงถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก ว่าเป็นทางรอดทางเศรษฐกิจและเป็นความหวังที่จะฟื้นฟูประเทศไทย บทความชุด “นวัตกรรม : ความหวังใหม่เพื่อฟื้นฟูไทยกลับมา” นี้ได้รวบรวมข้อมูลความรู้เกี่ยวกับ “นวัตกรรม” มาเพื่อจะเป็นประโยชน์ในการพลิกโฉมประเทศไทย ให้หลุดพ้นจากสภาพปัญหาที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ตอนที่ 8 : นวัตกรรมทางสังคม หรือ Social Innovation
ต่อเนื่องจากบทความตอนที่แล้วในเรื่องการพัฒนา Eco-Innovation ซึ่งยังคงมีความน่าสนใจในมุมของธุรกิจ ที่ไม่ได้เป็นเพียงในมุมของการเพิ่มภาระหรือต้นทุนแก่ธุรกิจเพียงเท่านั้น แต่ในทางตรงกันข้ามกลับจะสามารถช่วยสร้างกำไร (Profitability) ในการทำธุรกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่าของกิจการ
1) Shared Gains
ในการสร้าง Eco-Innovation ให้เกิดขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์บริการ หรือกระบวนการธุรกิจจะต้องหาทางพัฒนาแบบจำลองธุรกิจควบคู่ไปด้วย แบบจำลองที่ว่าอาจเกี่ยวข้องกับการลดต้นทุน เพิ่มรายได้ ซึ่งไม่เฉพาะแต่ภายในของธุรกิจเท่านั้น แต่จะต้องให้เกิดประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้เสียของธุรกิจด้วย อย่างนี้จึงจะเกิดมูลค่าเพิ่ม หรือประโยชน์ส่วนเพิ่มบนห่วงโซ่คุณค่าจากต้นน้ำถึงปลายน้ำได้ทั้งหมด เราอาจเรียกมูลค่าส่วนเพิ่มนี้ได้ว่า “Shared Gains”
กรณีศึกษา บริษัท Eco2Distrb
Eco2Distrb เป็น French Startup Company ที่ทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม (Liquid products) แก่ลูกค้าโดยตรง ที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตของยอดขายกว่า 15% ต่อปี และสินค้ามีอัตราการหมุนเพิ่มขึ้นถึง 200% ในช่วง 3 ปี มีการขยายผลิตภัณฑ์ไปยังกลุ่ม Supermarket Chains ในประเทศและตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น บริษัทได้ทำโครงการลดขยะที่เกี่ยวข้องกับการหีบห่อ (Packaging) ซึ่งจะต้องเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริโภคของผู้บริโภค ทั้งนี้ต้องให้ความสำคัญโดยการทำให้เป็นกลยุทธ์ของธุรกิจ
Eco2Distrb ได้ร่วมมือกับผู้เกี่ยวข้องต่างๆ บนห่วงโซ่คุณค่า เช่นมีการออกแบบขนาดของถุงบรรจุเครื่องดื่มขนาด 1,000 ลิตร ทำให้ลูกค้าไม่ต้องรับไปเป็นแบบขวด ซึ่งเกิดขยะมากกว่า หรือแม้แต่การจะให้มี Vending Machine เพื่อจำหน่ายเครื่องดื่มให้ลูกค้ารับไปจากเครื่องโดยตรงโดยไม่ต้องกลับมาที่เจ้าหน้าที่ทำการหีบห่ออีก จะสามารถช่วยประหยัดบรรจุภัณฑ์ ลดขยะและยังลดต้นทุนค่าใช้จ่าย ทำให้ราคาขายปลีกปรับลดลงได้ถึง 25% ส่งผลให้ผู้บริโภคประทับใจอย่างมากเพราะได้เครื่องดื่มที่ราคาถูกลง และยังช่วยดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อมได้ด้วย
กรณีศึกษา บริษัท Interface
Interface เป็นบริษัทผลิตพรมของสหรัฐอเมริกา ซึ่งสังเกตว่า เส้นใยไนล่อน (Nylon Yarn) เป็นวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการผลิตพรม ซึ่งต้นทางการผลิตเส้นใยสังเคราะห์ประเภทนี้ก็ไม่ค่อยดีต่อสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว และพรมไนล่อนเก่าก็จะกลายเป็นขยะที่ยากต่อการทำลาย และส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมอีก Interface จึงเริ่มโครงการผลิตพรมจากเส้นใยไนล่อนเก่าโดยนำมาทำการ Recycle
Interface ย้อนกลับไปดูว่ามีบริษัทใดบ้างที่จะเป็น Partners บนห่วงโซ่คุณค่าของตน โดยพยายามคิดนอกกรอบ จนได้พบกับ Zoological Society of London และ บริษัท Aquafil ที่เป็นคู่ค้าด้านเส้นใยของบริษัท Interface อยู่แล้ว Aquafil นี้เป็นบริษัทสัญชาติอิตาลี ทั้ง 2 พันธมิตรนี้ได้แนะนำว่ามีเส้นใยเก่าจากแหอวน จากการทำประมงในน่านน้ำของฟิลิปปินส์ทำให้ Interface สามารถมีแหล่งวัตถุดิบของ Recycled Yarn มาผลิตพรมได้
2) Stay Ahead of Standards and Regulation
ความตั้งใจของธุรกิจที่จะพัฒนา Eco-Innovation ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว แต่อย่าสร้างแค่เพียงให้ผ่านต่อข้อกำหนดขั้นต่ำตามกฏระเบียบ และ/หรือกฎหมายเท่านั้น แต่ควรตั้งใจทำในสิ่งที่เป็นมาตรฐานที่สูง โดยเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งที่ทำเพียงใกล้กับมาตรฐานขั้นต่ำแล้ว จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของเรามีคุณค่ามากกว่า นำไปสู่มูลค่าที่ดีกว่าและช่วยเปิดประตูของโอกาส เช่น การขยายตลาดได้อย่างกว้างขวางและมั่นคงมากกว่า
กรณีศึกษา บริษัท Multibax
Multibax เป็นบริษัทของไทยที่ทำผลิตภัณฑ์ Biodegradable bag โดยนำพลาสติกบางชนิดที่ย่อยสลายได้มาทำการผสมกับสารธรรมชาติที่มีอยู่ในประเทศไทย ผลิตเป็นเม็ดไบโอพลาสติกและนำไปขึ้นรูปเป็นถุงพลาสติกที่สามารถย่อยสลายกลับคืนสู่ธรรมชาติกลายเป็นดินและนำไปปลูกพืชได้เมื่อมีการฝังกลบ
Multibax เป็นตัวอย่างของบริษัทที่ยึดครองโอกาสจากการขยายตัวของความต้องการ Biodegradable bags ที่มาจากทั้งกฏระเบียบในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะทางยุโรปและจากกระแสความต้องการ Green Products ในลักษณะนี้ที่เกิดขึ้นทั่วโลก การทุ่มเทวิจัยและพัฒนาในนวัตกรรมนี้ผนวกกับโอกาสทำให้สามารถขยายกำลังการผลิตได้หลายเท่า ผลิตภัณฑ์ของบริษัทผ่านมาตรฐานการรับรองขั้นสูงจากหลายๆ ประเทศในภูมิภาคต่างๆ ซึ่งมีบริษัทจำนวนน้อยเท่านั้นที่ผ่านมาตรฐาน
จากตัวอย่างของ Multibax ซึ่งเป็นบริษัทของคนไทย สามารถเป็นแรงบันดาลใจสำหรับผู้ประกอบการไทย ยกระดับตนเองออกจากการรับจ้างผลิต หรือก้าวออกจาก Comfort Zone ที่ว่าธุรกิจไทยเก่งแต่การให้บริการเท่านั้น หรือตัวอย่างของ Eco2Distrb และ Interface ที่ปรับวิธีการทำบรรจุภัณฑ์ใหม่ หรือผลิตสินค้าจาก Recycled Materials เพื่อช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเชื่อว่าศักยภาพของผู้ประกอบการไทยก็สามารถทำได้เช่นกัน ประเทศไทยหลัง COVID-19 นี้ ทั้งภาครัฐและเอกชนต้องร่วมกันสนับสนุนการพัฒนา Startups และ SMEs เพื่อทำให้เกิดการพัฒนา Eco-Innovation ให้ได้ Eco-Products ใหม่ๆ ด้วยฝีมือของคนไทย และนำออกไปสู่ตลาดโลก เพื่อต่อยอดโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ช่วยพลิกฟื้นประเทศไทยให้กลับมาโดยเร็ว
เขียนโดย : ดร.กฤษฎา เสกตระกูล, CFP®
รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานพัฒนาความยั่งยืนตลาดทุน
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย