HIGHLIGHTS :
เวลาในการอ่าน 4 นาที
จากสถานการณ์ COVID-19 ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบทางลบ ต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรง “นวัตกรรม” จึงถูกพูดถึงเป็นอย่างมาก ว่าเป็นทางรอดทางเศรษฐกิจและเป็นความหวังที่จะฟื้นฟูประเทศไทย บทความชุด “นวัตกรรม : ความหวังใหม่เพื่อฟื้นฟูไทยกลับมา” นี้ได้รวบรวมข้อมูลความรู้เกี่ยวกับ “นวัตกรรม” มาเพื่อจะเป็นประโยชน์ในการพลิกโฉมประเทศไทย ให้หลุดพ้นจากสภาพปัญหาที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ตอนที่ 8 : นวัตกรรมทางสังคม หรือ Social Innovation
นวัตกรรมทางสังคม (Social Innovation) เป็นนวัตกรรมประเภทหนึ่ง ที่มุ่งตอบสนอง และแก้ไขปัญหาทางสังคมเพื่อให้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นวัตกรรมทางสังคมกำลังเป็นที่สนใจและน่าจับตามากขึ้น เนื่องจากสภาพปัญหาทางสังคมบนโลกในพื้นที่ต่างๆ ยังมีปัญหาอยู่มากและอยู่ในระดับที่รุนแรง เช่น ความยากจน สภาพความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก มีความขาดแคลน ผู้ด้อยโอกาสไม่ได้รับการดูแลที่ดี เมื่อมองในสังคมการทำงาน สภาพการทำงานที่ไม่เหมาะสม การจ้างงานที่พนักงานไม่ได้รับความเป็นธรรมทั้งในด้านค่าจ้างและสวัสดิการ รวมถึงการดูแลผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งใกล้และไกล เช่น ครอบครัวของพนักงาน ชุมชนใกล้เคียงที่ขาดโอกาสและอยู่ห่างไกลออกไป
1) ความหมายและความสำคัญของนวัตกรรมทางสังคม
จากข้อมูล Graduate Business School ของ Standard University ได้กำหนดความหมายของ นวัตกรรมทางสังคม (Social Innovation) ไว้ว่า “นวัตกรรมทางสังคมคือ กระบวนการพัฒนาสิ่งที่เรียกว่า effective solutions และนำไปใช้แก้ปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมเพื่อนำไปสู่สังคมที่ก้าวหน้าขึ้นและดีขึ้น”
ในขณะที่ UNDP ให้คำจำกัดความ Social Innovation ไว้ว่า “เป็น New Solution (ซึ่งอาจจะเป็น products, services, models, markets หรือ process เป็นต้น) ที่เอาไปตอบโจทย์ความต้องการทางสังคม (Social Needs) แบบที่มีประสิทธิภาพที่ดีกว่า Existing solutions และนำไปสู่การแก้ปัญหาให้ดีขึ้น”
ในปัจจุบันมีการนำ Social Innovation มาใช้เพื่อช่วยแก้ปัญหาทางสังคมมากขึ้น จากการประกาศเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals หรือ SDGs) ทั้ง 17 ข้อ ของ UN มีเป้าหมายที่เกี่ยวกับการแก้ปัญหาสังคมถึง 8 ข้อ ได้แก่
เป้าหมายต่างๆ เหล่านี้ถูกคาดหวังจาก UN ว่าประเทศต่างๆ จะหาวิธีขับเคลื่อนเพื่อลดปัญหาในแต่ละพื้นที่ และอยากให้บรรลุเป้าหมายกันภายในปี 2030 ซึ่งหลายประเทศก็ได้ออกแบบวิสัยทัศน์เชิงนโยบายกัน เช่น Society 5.0 ของญี่ปุ่น ประเทศไทย 4.0 และ Smart Nation ของสิงคโปร์ เป็นต้น
2) โอกาสของการพัฒนานวัตกรรมทางสังคม
จากปัญหาทางสังคมที่มีอีกมาก และเป้าหมายที่ทุกคนอยากมีส่วนร่วมในการแก้ไข ทำให้เป็นโอกาสของการพัฒนานวัตกรรมทางสังคม (Social Innovation) ที่จะเกิดขึ้นอย่างมากมายในอนาคต ซึ่งปัจจัยแห่งโอกาส สามารถสรุปได้ดังนี้
เทคโนโลยี (Technology)
ปัจจุบันและในอนาคตจะเป็นยุคที่เทคโนโลยีมีความก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีโอกาสพัฒนาสินค้า บริการ และกระบวนการใหม่ๆ มาตอบโจทย์และแก้ปัญหาสังคม ซึ่งจะช่วยยกระดับความเป็นอยู่พื้นฐานในสังคม ทำให้คุณภาพชีวิต สุขภาพของผู้คนดีขึ้น
ความตื่นตัวของประเทศกำลังพัฒนา (Developing countries)
ปกติปัญหาสังคมมักจะเกิดขึ้นมากในสังคมของประเทศกำลังพัฒนา เพราะเกิดความเหลื่อมล้ำในการกระจายทรัพยากรได้อย่างเป็นธรรม ปัจจุบันนี้มีความตื่นตัวของประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะจีนและอินเดีย ซึ่งประเทศใหญ่มีจำนวนประชากรที่มาก มีความพยายามที่จะส่งเสริมให้เกิด Social Innovations เพื่อนำมาแก้ปัญหาสังคมและกระแสเหล่านี้ก็กำลังแพร่หลายอยู่ในประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ รวมทั้งประเทศไทยด้วย
ความร่วมมือระหว่างชุมชน (Community Collaboration)
ชุมชนถือว่าเป็นหน่วยสังคมย่อยๆ ที่เชื่อมต่อกัน แต่ละชุมชนมีสภาพปัญหาทางสังคมที่มีทั้งเหมือนกันและแตกต่างกัน การรวมตัวกันเป็นเครือข่ายของชุมชนในปัจจุบันมีความเข้มแข็งกว่าในอดีต ซึ่งมาจากทั้งความเจริญก้าวหน้าในการเดินทาง รวมทั้งเทคโนโลยีการสื่อสารที่ทันสมัย ทำให้การติดต่อแลกเปลี่ยน เรียนรู้ และเผยแพร่นวัตกรรมทางสังคมทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3) Social Innovation Trends
จากบทความ “8 leading social innovation trends for 2020” ของ Igone Querra (Jan 27, 2020) ใน Social Innovation Academy สรุปแนวโน้ม 8 ประการเกี่ยวกับนวัตกรรมทางสังคมที่มีโอกาสจะพัฒนาขึ้นมาไว้ดังนี้
แนวโน้มที่ 1 : Sustainable Development Goals and Social Innovation
แนวโน้มนี้มองว่า จะเป็น Social Innovation อะไรก็ได้ หากทำเพื่อตอบโจทย์เป้าหมาย SDGs 17 ข้อ ก็ถือว่าดีต่อสังคมโลกทั้งสิ้น
แนวโน้มที่ 2 : Urbanization and Social Innovation
เนื่องจากแนวโน้มสังคมโลกจะมีลักษณะเป็นสังคมเมืองมากขึ้น คนจะย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองมากขึ้น ปัญหาในสังคมเมืองจึงต้องการ Social Innovation มาแก้ไขปัญหา ซึ่งเป็นโอกาสของนวัตกรรมที่จะช่วยทำให้เกิด Smart and Green Cities
แนวโน้มที่ 3 : Migration and Social Innovation
การอพยพย้ายถิ่นของมนุษย์กลับกลายมาเป็นปัญหาใหญ่หนึ่งในปัจจุบัน เช่น การอพยพลี้ภัยสงครามจากตะวันออกกลางไปยุโรป ซึ่งคาดว่ามีจำนวนสูงถึง 82 ล้านคน ประเทศที่เกี่ยวข้องต้องรับมือทั้งในส่วนความช่วยเหลือพื้นฐาน และการวางแผนเพื่อบริหารจัดการในช่วงต่อไป ซึ่งหากจัดการไม่ดีก็จะส่งผลต่อประชาชนที่อยู่เดิม และกลายมาเป็นปัญหาทางการเมืองในประเทศได้ต่อไป Social Innovation ที่จะช่วยบริหารจัดการเรื่องเหล่านี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องพัฒนาต่อไป
แนวโน้มที่ 4 : Social System and Social Innovation
โครงสร้างประชากรในประเทศต่างๆ ส่วนใหญ่กำลังเต็มไปด้วยคนที่มีอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป เด็กเกิดมาใหม่มีจำนวนน้อยลง กลุ่มคนอายุ 60 ปีขึ้นไป บนนิยามใหม่ Young old หรือ Yold มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ในอนาคตความกังวลเกี่ยวกับระบบประกันสังคม ประกันสุขภาพว่าจะมีเพียงพอรองรับผู้สูงอายุหรือไม่ นวัตกรรมทางสังคมไม่ว่าจะเป็นทางการเงิน หรือสุขภาพจะเป็นสิ่งที่ต้องการอย่างยิ่ง
แนวโน้มที่ 5 : Climate Change and Social Innovation
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก เช่น สภาวะโลกร้อนจากก๊าซเรือนกระจก ได้นำมาซึ่งปัญหาหลายอย่าง เช่น ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ฝนไม่ตกตามฤดูกาล เกิดความแห้งแล้งและขาดแคลนน้ำ และส่งผลกระทบไปเป็นปัญหาทางสังคมต่อไป นวัตกรรมทางสังคม เช่น การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การมีส่วนร่วมลดโลกร้อนของครัวเรือน และชุมชน จะเป็นสิ่งที่ต้องส่งเสริมอย่างยิ่งในอนาคตอันใกล้นี้
แนวโน้มที่ 6 : Technological Development and Social Innovation
ในยุคแห่ง New Digital Technologies เช่นนี้ การพัฒนานวัตกรรมต่างๆ จะเป็นโอกาสให้คนในสังคม เข้าถึงการใช้งาน นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่จะเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม เช่น การบริจาคเงินเพื่อการกุศล Crowdfunding platform ใหม่ๆ ทำให้การรวบรวมเงินบริจาคทำได้ง่าย รวดเร็ว และสะดวกขึ้น และไปถึงมือของผู้ที่ทำการกุศลได้อย่างมีประสิทธิภาพ การส่งเสริมให้เกิด Social Innovation โดยใช้เทคโนโลยีจะเกิดมากขึ้นในอนาคต
แนวโน้มที่ 7 : Circular Economy and Social Innovation
ปัญหาการใช้ทรัพยากรสิ้นเปลืองของมนุษย์ไม่ว่าจะมาจากภาคครัวเรือน ภาคธุรกิจ ภาครัฐ ล้วนแต่มีสภาพที่รุนแรงเพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดขยะ ซึ่งไปส่งผลกระทบทางลบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเรื่อยๆ นวัตกรรมทางสังคมที่จะช่วยทำให้เกิด การคัดแยกขยะ การนำมาหมุนเวียนใช้ หรือแปลงให้เกิดประโยชน์ เช่น พลังงานหมุนเวียน จะเป็นสิ่งที่พลเมืองโลกต้องช่วยกันคิดค้นและร่วมกันแก้ไขมากขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสของการพัฒนา Social Innovations
แนวโน้มที่ 8 : The Future of Work and Social Innovation
มนุษย์ที่อยู่ในสังคมจำเป็นต้องทำงาน แต่สภาพการทำงานในอนาคตอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไป เทคโนโลยีที่ก้าวหน้า หรือการเจอโรคระบาดแบบ COVID-19 ทำให้เราต้องปรับวิธีการทำงานแบบใหม่ๆ อาจเกิดการทำงานแบบ Work from Home กลายเป็นเรื่องปกติ มี scheme การจ้างงานในหลายลักษณะเป็น Options ให้คนเลือกได้ดีขึ้นกว่าในอดีต
ที่มา : socialinnovationacademy.eu
เขียนโดย : ดร.กฤษฎา เสกตระกูล, CFP®
รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานพัฒนาความยั่งยืนตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย